เท้าแชร์บุกทวงเงิน ถูกลูกหนี้ตบจมูกดั้งหัก ทำมาได้แค่ 10 วัน วอนให้รับผิดชอบ

กรณีคลิปเหตุการณ์ผู้หญิง 2 คนตบกัน ซึ่งฝ่ายคนเจ็บเป็นเจ้าหนี้ ที่มาตามทวงหนี้แต่ลูกหนี้ไม่จ่ายหนี้ จึงเกิดการตบกันระหว่างเจ้าหนี้และพี่สาวของลูกหนี้ จนเจ้าหนี้ได้รับบาดเจ็บ

โดยผู้สื่อข่าวของเรา พูดคุยกับนางสาวเหมย อายุ 29 ปี พี่สาวของหมิว ลูกหนี้ที่เป็นคนตบเจ้าหนี้ คือนางสาวแป้ง อายุ 25 ปี โดยนางสาวเหมยบอกว่า หมิว น้องสาวของตนเองเป็นเพื่อนรักกับนางสาวแป้งมาก่อน แต่หลังจากนั้นก็มีปัญหาเลิกคบกัน ต่อมาตนมารู้อีกทีว่านางสาวแป้ง ได้เอาชื่อของตนไปพูดในทางที่เสียหาย ที่ผ่านมาตนโกรธนางสาวแป้งมาก แต่ตนก็ไม่อยากมีปัญหา ก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะกันมาโดยตลอด

จนวันเกิดเหตุ 30 กันยายนที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปงานหมั้น ขณะกำลังกลับจากงาน นางสาวหมิว (น้องสาว) ก็โทรมาพอดีบอกว่า พวกของแป้งมาหาหมิว เหมือนจะมาทำร้ายร่างกายเลย เพราะมาถึงก็เสียงดังใส่ ตนตกใจจึงได้ตะโกนตอบโต้กับนางสาวแป้งผ่านโทรศัพท์ และมีปากเสียงกัน จนนางสาวแป้งบอกมาเลย คำๆ เดียว ทำให้ความรู้สึกของตนที่เคยอัดอั้นมานานเกิดปะทุขึ้นมา พอเดินทางมาถึง ตนเห็นนางสาวแป้งยืนพิงรถอยู่ ขอยืนยันว่าตนไม่ได้ตบท้ายทอยนางสาวแป้ง แต่ตนเดินมาข้างหน้า และพูดว่า ไม่ได้มาเรื่องเงิน คนอื่นไม่เกี่ยว อันนี้มาในเรื่องส่วนตัวที่พูดจาไม่ดี แล้วเอาไปพูดให้เสียหาย ก่อนจะเปิดฉากตบตีกันตามในคลิป

ด้านนางสาวแป้ง ผู้บาดเจ็บ บอกว่า ในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 14.30 น.โดยวันนั้นคนทราบมาว่า นางสาวหมิว ซึ่งเป็นหนี้ค่าแขร์ 3 งวด จำนวน 2,400 บาท ซึ่งบ่ายเบียงมานานกว่า 1 เดือน วันที่เกิดเหตุตนได้เดินทางไปยังที่พักของนางสาวหมิว แล้วบอกว่าพอจะมีให้เงินให้บ้างไหม แต่นางสาวหมิวปฏิเสธอย่างเดียว

โดยระหว่างที่พูดคุยกันนางสาวหมิวก็คุยโทรศัพท์กับนางสาวเหมย ตลอดเวลา ระหว่างนั้นพ่อของนางสาวหมิว ได้เดินมาหาตนและบอกว่า จะชดใช้ค่าแชณ์ให้ แต่ขอแบ่งจ่าย 2 ครั้ง คืองวดวันที่ 5 ตุลาคม และวันที่ 10 ตุลาคม หลังจากนั้นก็ได้มีการแยกย้ายกันไป หลังจากนั้นตนจึงไปแจ้งความที่ สภ.พัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ในข้อหาพยายามฆ่า

นอกจากนี้ แป้งยังบอกว่าอยากให้เหมยมารับผิดชอบ เพราะตนจมูกหัก ต้องมีค่าใช้จ่ายในการทำจมูกใหม่ ส่วนค่าแชร์ก็อยากให้หมิวเอาเงินมาจ่ายให้หมด เพราะเปียแชร์ไปก็ได้เงินไปแล้ว

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ตำรวจ สภ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เรียกคู่กรณีทั้งสองฝั่งเจรจาไกล่เกลี่ยกัน