อาชญากรรม

เปิดพฤติการณ์ 6 ตำรวจ ช่วย "กำนันนก-หน่อง" ด้าน "บิ๊กโจ๊ก" ตำรวจร่วมงานเลี้ยงมี 26 นาย

โดย tachakorn_t

11 ก.ย. 2566

25 views

วานนี้ (10 ก.ย.) พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ใช้เวลาในการประชุมราว 1 ชั่วโมง ก่อนจะออกมาเปิดเผยว่า เหตุการณ์ในวันงานมีคนไปร่วมงานเลี้ยงทั้งหมด 36 คน เป็นตำรวจ 26 นาย และพลเรือน 10 คน สามารถแบ่งตำรวจได้ 3 กลุ่ม


กลุ่มแรก เป็นกลุ่มหนีออกจากพื้นที่ทันทีหลังเกิดเหตุ มีทั้งหมด 10 นาย ซึ่งกลุ่มนี้เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานสอบสวนเตรียมพิจารณาแจ้งข้อหา


กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่ร่วมทำลายหลักฐานและพากำนันนกกับนายหน่อง ท่าผา หลบหนี มี 6 นาย ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาและฝากขังแล้ว ส่วนใหญ่เป็นตำรวจสูงอายุใกล้เกษียณ และส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่มานาน ทำให้มีความสนิทสนมกับกำนันนก


ซึ่งกลุ่มตำรวจ 6 นายนี้ แต่ละคนมีพฤติการณ์ช่วยเหลือที่ต่างกัน เริ่มที่ ร้อยตำรวจเอก ณรงค์ศักดิ์ แตงอำไพ อายุ 58 ปี รองสารวัตรทางหลวง เป็นคนที่เข้าประชิดตัวนายหน่องทันทีหลังเกิดเหตุ แล้วแย่งปืนที่ยิงออกมาจากมือก่อนจะปล่อยตัว


จากนั้นพันตำรวจตรี เกียรติศักดิ์ สมสุข สารวัตรสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน, ร้อยตำรวจเอก ณัฏฐพล นาคกร และร้อยตำรวจตรี สรรเสริญ ศรีสวัสดิ์ รองสารวัตรสายตรวจทางหลวง ซึ่งเป็นลูกน้องสารวัตรศิว ยืนล้อมคุ้มกัน "กำนันนก" แล้วพาเข้าไปในบ้านพัก


ขณะที่ ร้อยตำรวจโท ประสาน รอดผล รองสารวัตรสายตรวจทางหลวง ลูกน้องสารวัตรศิวเช่นกัน ก็เดินประกบนายหน่อง เพื่อส่งขึ้นรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ แล้วให้ขับตามกันไปออกจากจุดเกิดเหตุ


โดยร้อยตำรวจโท ประสาน เป็นคนขับรถให้กำนันนก ก่อนจะขับตามกันไปเป็นขบวน ซึ่งริมขบวนจะมี ร้อยตำรวจตรี นิมิตร สลิดกุล รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองนครปฐม ขี่รถจักรยานยนต์สายตรวจตามประกบตลอดเส้นทาง


และที่สำคัญปืนที่ใช้ก่อเหตุก็เป็นของร้อยตำรวจตรี นิมิตร ด้วย ที่ซื้อในโครงการปืนสวัสดิการ


หลังจาก กำนันนก และ นายหน่อง ออกจากบ้านที่เกิดเหตุแล้ว พันตำรวจตรี เกียรติศักดิ์ ได้ นำอาวุธปืนที่ใช้ยิง "สารวัตรศิวกร" ที่ร้อยตำรวจเอก ณรงค์ศักดิ์ เก็บไว้ มาห่อด้วยผ้าคลุมเก้าอี้โต๊ะจีน ไปฝากไว้กับ "นายเก่ง" คนงานภายในบ้าน "กำนันนก" ก่อนที่ "นายเก่ง" จะนำไปฝังดิน


กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่พาผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล มี 9 นาย ส่วนใหญ่เป็นนายตำรวจระดับสูง ตั้งแต่ผู้กำกับการถึงสารวัตร ตำรวจชั้นประทวนที่ไป คือ พลขับที่ขับรถให้นายมาที่โรงพยาบาล ซึ่งกลุ่มนี้ บิ๊กโจ๊กบอกว่า หากพบว่ามีการช่วยเหลือจริงก็อาจจะไม่ถูกดำเนินคดี เพราะการช่วยเหลือถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน


เมื่อดูจากกล้องวงจรปิดของ โรงพยาบาลนครปฐม จะพบว่า ช่วง 21.17 น รถเก๋ง โตโยต้า แคมรี สีบรอนซ์ ขับเข้ามาที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลนครปฐม จากนั้นมีตำรวจยศ จ่าสิบตำรวจ สังกัดตำรวจทางหลวง ลงมาจากเบาะหลังรถ แล้วเปิดประตูข้างคนขับ เพื่อนำตัว สารวัตรศิวลงมาจากรถโดยมี ดาบตำรวจ ชนาณัฐ วุฑฒยากร เป็นคนขับ มาช่วยประคองด้วย


อีก 4 นาทีถัดมา 21.21 น. รถกระบะ 4 ประตูขับมาจอดห้องฉุกเฉินเช่นกัน โดยมีพันตำรวจตรี ณรงค์ พิทักษ์ฉนวน สารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองกำกับการ 2 นั่งมาท้ายกระบะ, พันตำรวจเอก วชิรา ยาวไทยสง ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ลงมาจากที่นั่งข้างคนขับ แล้วเดินไปที่กระบะท้ายรถ เพื่อช่วยกันนำตัว พันตำรวจโท วศิน พันปี รองผู้กำกับการ 2 ที่โดนยิงเข้าที่แขนส่งโรงพยาบาล โดยมีตำรวจทางหลวงอีกคนเป็นคนขับ


และระหว่างที่นำตัว พันตำรวจโท วศิน เข้าห้องฉุกเฉิน ก็มีรถยนต์เก๋งสีดำขับเข้ามา และคนที่ลงมาจากรถ คือ พันตำรวจโท ภท วรญาวิสุทธิ์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.สระยายโสม จังหวัดสุพรรณบุรี เดินเข้ามาในห้องฉุกเฉินอีกคน


ต่อมา 21.25 น. รถยนต์ของพันตำรวจเอก กฤษฎาพร จงอักษร ผู้กำกับการ สน.พญาไท ขับตามมาพร้อมพลขับ


หลังจากนั้นทุกคนก็อยู่ในห้องฉุกเฉิน เดินเข้าเดินออกตลอดเวลา ซึ่งจากกล้องวงจรปิดจะเห็น มีนายตำรวจระดับสัญญาบัตรที่อยู่ทั้งหมด 4 นาย คือ พันตำรวจเอก กฤษฎาพร, พันตำรวจเอก วชิรา, พันตำรวจโท ภทร และพันตำรวจตรี ณรงค์ ซึ่งจากการสังเกตของทีมข่าวพบว่า บรรยากาศที่ห้องฉุกเฉินเต็มไปด้วยความเครียดมีตำรวจ สลับกันเขัามาพูดคุยกับ พันตำรวจเอก กฤษฎาพร และพันตำรวจเอก วชิรา ตลอดเวลา และมีการใช้โทรศัพท์เป็นระยะ

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ